ตอนนี้แนวรบที่ยูเครนสามารถยึดคืนและมีความคืบหน้าพอสมควรคือ เมืองบัคมุตในแคว้นโดเนตสก์ ขณะเดียวกันก็ได้เผยแพร่ภาพเมืองหลังจากยึดได้ ซึ่งก็ทำให้หลายฝ่ายตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น

ภาพมุมสูงของเมืองบัคมุตที่กองพลจู่โจมของยูเครนเผยแพร่ออกมา จากภาพจะเห็นได้ว่าเมืองถูกทำลายอย่างหนักจากการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย กระสุนปืนใหญ่และจรวดขีปนาวุธที่ถูกยิงเพื่อต่อสู้กันตลอดระยะเวลาเกือบครึ่งปี ทำให้ตึกรามบ้านช่องที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของประชาชน กลายเป็นทุ่งเศษซากอาคารที่มองเห็นเป็นบริเวณกว้าง

บัคมุตสมรภูมิเดือด ยูเครนไม่ถอย ยิงปะทะรัสเซีย บนถนน 24 ชม.

ยูเครนยึดคืนบัคมุตได้อีก 20 ตร.กม. แต่การสู้รบยังคงดุเดือด

อย่างไรก็ดี ทางกองทัพยูเครนในพื้นที่รายงานว่าการต่อสู้ที่เมืองยุทธศาสตร์แห่งนี้ยังไม่จบ โดยยูเครนสามารถยึดคืนพื้นที่ในเขตทางตอนใต้ของเมืองแห่งนี้ได้แล้วและพยายามมุ่งหน้าสู่พื้นที่ใจกลางเมืองต่อไป

ด้านทหารยูเครนที่ปักหลักต่อสู้อยู่ในพื้นที่ ยังคงระดมยิงปืนใหญ่อัตราจรฮาวอิตเซอร์ 2000 ใส่ฐานที่มั่นของกองทัพรัสเซียอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี พวกเขาบอกกับผู้สื่อข่าวของสำนักข่าว AFP ที่ลงไปทำข่าวในพื้นที่ว่า อยากให้สงครามนี้จบโดยเร็วที่สุด เพราะยิ่งสงครามจบเร็วเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งมีโอกาสได้กลับบ้านเร็วขึ้นเท่านั้น

นอกจากความคืบหน้าในแนวรบเมืองบัคมุตแล้ว เมื่อเช้าที่ผ่านมา แอนดรี โควาลอฟ โฆษกประจำคณะเสนาธิการทหารยูเครนระบุว่า กองทัพยูเครนในพื้นที่ภาคใต้ประสบความสำเร็จในการยึดเขตโนโวดานีริฟกาในเขตโอริคิฟคืน

การแถลงของโฆษกประจำคณะเสนาธิการทหารยูเครนมีขึ้นหลังจากโอเล็กซี โกรมอฟ รองผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการหลักประจำคณะเสนาธิการทหารยูเครน ออกมาแถลงเมื่อวานนี้ว่า กองทัพยูเครนสามารถปลดปล่อยพื้นที่ต่างๆ ที่เคยอยู่ภายใต้การครอบครองของรัสเซียได้กว่า 100 ตารางกิโลเมตร

ด้านฮันนา มารีอา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมยูเครน ก็ออกมาแถลงยืนยันเช่นเดียวกันว่า ยูเครนสามารถยึดคืนพื้นที่ได้มากขึ้น แต่การรุกคืบเป็นไปแบบช้าๆ เนื่องจากกองทัพยูเครนต้องเผชิญกับอุปสรรคและกับดักที่รัสเซียวางไว้ในสนามรบ

ฮันนา มารีอาระบุว่า ทหารยูเครนที่เปิดแนวรบโต้กลับต้องเผชิญกับกับระเบิดตามพื้นดินรวมถึงโดรนพลีชีพที่ถูกส่งเข้ามาเพื่อโจมตีรถถังของยูเครน

ขณะเดียวกันก็มีความเคลื่อนไหวออกมาจากทางรัสเซียเช่นกัน โดยพลโทอิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ได้ออกมาระบุวันนี้ว่า รัสเซียสามารถขับไล่กองทัพยูเครนในหลายแนวรบออกไปได้

นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียยังระบุว่า ทางการได้มอบรางวัลพิเศษให้แก่ทหารรัสเซียที่ทำลายอาวุธของยูเครนไปแล้วกว่า 10,000 นายนับตั้งแต่ที่เข้าไปทำปฏิบัติการพิเศษทางการทหารในยูเครน

พลโทโคนาเชนคอฟ ระบุว่า รางวัลพิเศษที่ทางการมอบให้แก่ทหารรัสเซียจะเป็นเงิน ซึ่งจะถูกโอนเข้าไปยังบัญชีส่วนตัวของทหารรายนั้นๆ ส่วนเรื่องจำนวนเงิน ประธานาธิบดีปูตินเคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่าทหารที่ทำลายเครื่องบินของยูเครนได้จะได้รับเงินอยู่ที่ 300,000 รูเบิลหรือราว 124,000 บาท ส่วนถ้าเป็นรถถังจะได้เงินเพิ่มอยู่ที่ 100,000 รูเบิลหรือราว 41,000 บาท

ขณะที่การสู้รบในพื้นที่เป็นไปอย่างดุเดือด อีกด้านหนึ่งของยุโรปที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม บรรดารัฐมนตรีกลาโหมของชาติพันธมิตรยูเครนได้รวมตัวกันเพื่อหารือมาตรการช่วยเหลือด้านอาวุธเพิ่มเติมให้แก่ยูเครน

หลังการประชุมหารือร่วมกันเสร็จสิ้น ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ออกมาแถลง โดยระบุว่าชาติพันธมิตรจะช่วยเหลือยูเครนต่อไปจนกว่ายูเครนจะชนะในสงครามครั้งนี้

นอกจากวงประชุมชาติพันธมิตรยูเครนแล้ว เมื่อวานนี้ 15 มิ.ย. บรรดารัฐมนตรีกลาโหมของชาติสมาชิกนาโตทั้ง 31 ชาติได้หารือเกี่ยวกับการช่วยเหลือยูเครนร่วมกัน โดยมีโอเล็กซี เรซนิคอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของยูเครนเข้าร่วมการประชุมด้วย

ผลจากการประชุมของรัฐมนตรีกลาโหมชาติสมาชิกนาโตมี 2 ประเด็นสำคัญที่หลายฝ่ายให้ความสนใจคือ ประเด็นแรก การฝึกยูเครนใช้เครื่องบินรบสัญชาติตะวันตก และประเด็นที่สอง การเข้าเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน

สำหรับประเด็นแรก เมื่อวานนี้ชาติสมาชิกนาโตยืนยันแล้วว่าจะเริ่มกระบวนการฝึกนักบินยูเครนให้ใช้เครื่องบินรบรุ่น F-16 ในเร็วๆ นี้ ถือเป็นสัญญาณแรกที่สำคัญว่าชาติตะวันตกอาจส่งเครื่องบินรบรุ่นนี้ให้ยูเครนในอนาคต เพื่อใช้รับมือกับกองทัพรัสเซีย

ส่วนประเด็นที่สอง การเข้าเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน ความคืบหน้าในประเด็นนี้มาจากบอริส พิสโตริอุส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเยอรมนี โดยเขาได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้มีสัญญาณบวกเพิ่มขึ้นจากบรรดาชาติสมาชิกนาโตเกี่ยวกับการยกเลิกข้อบังคับบางอย่างที่เป็นเงื่อนไขการรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิก

อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนีกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า นาโตอาจจะยังไม่สามารถรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกได้ท่ามกลางภาวะสงคราม และสิ่งที่ทุกฝ่ายควรให้ความสำคัญคือ การสนับสนุนอาวุธเพื่อให้ยูเครนชนะสงครามนี้

ขณะที่ฝั่งชาติสมาชิกตะวันตกส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะช่วยเหลือยูเครนต่อไปจนกว่าจะชนะหรือได้เปรียบบนโต๊ะเจรจาสันติภาพ ล่าสุดวันนี้มีสัญญาณความพยายามทางการทูตเกิดขึ้นอีกครั้ง หลังแอฟริกาส่งคณะผู้แทนมายังยูเครนเพื่อเป็นตัวกลางในการเจรจาสันติภาพ

เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาตามเวลาบ้านเรา คณะผู้แทนปฏิบัติภารกิจสันติภาพจากชาติในแอฟริกา ได้เดินทางมาถึงกรุงเคียฟเมืองหลวงของยูเครน เพื่อเข้าพบกับประธานาธิบดีเซเลนสกี

โดยคณะผู้แทนประกอบไปด้วยด้วยไซริล รามาโฟซา ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ อะซาลี อะษุมานี ประธานาธิบดีคอโมโรส แม็กกี ซาลล์ ประธานาธิบดีเซเนกัล และฮาเคนเด ฮิชิเลมาประธานาธิบดีแซมเบีย และผู้แทนอียิปต์

ก่อนหน้าที่จะเดินทางมาพบกับผู้นำยูเครน คณะผู้แทนจากแอฟริกาได้เดินทางไปเยือนเมืองบูชา ซึ่งเป็นเมืองที่รัสเซียก่ออาชญากรรมสงครามสังหารหมู่พลเรือนเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว เพื่อทำพิธีรำลึกถึงเหยื่อและผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว

ตามกำหนดการ หลังจากเข้าพบกับผู้นำยูเครนเป็นที่เรียบร้อย บรรดาคณะผู้แทนจากแอฟริกาจะมุ่งหน้าต่อไปยังนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เพื่อเข้าพบและหารือร่วมกับประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียในวันพรุ่งนี้ (17 มิ.ย.)คำพูดจาก สล็อตวอเลท

 “เมืองบัคมุต” เหลือเพียงซาก หลังรัสเซีย-ยูเครนปะทะกันหลายเดือน

อย่างไรก็ดี ขณะที่ผู้แทนแอฟริกาอยู่ระหว่างการปฏิบัติภารกิจ ทางการยูเครนรายงานว่ารัสเซียได้ยิงขีปนาวุธ 12 ลูกโจมตียูเครน ซึ่งในจำนวนนี้มีถึง 6 ลูกที่เป็นขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง แต่ระบบป้องกันภัยทางอากาศยูเครนสามารถยิงสกัดขีปนาวุธไว้ได้ จนทำให้เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วกรุงเคียฟ

หลังจากเกิดเหตุการโจมตีดังกล่าว ทางยูเครนได้ออกมาประณามรัสเซียอย่างหนัก โดยระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า ผู้นำรัสเซียไม่สนใจเรื่องความปลอดภัยของผู้นำแอฟริกาที่เยือนยูเครนเลย

By admin